จากแนวคิดของการสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับผู้คน ผสมผลานงานศิลปะและงานดีไซน์ในพื้นที่เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ และให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น Arena of Arts คือพื้นที่ที่เป็นเวทีของศิลปะร่วมสมัยและงานออกแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟของศิลปินไทยและทั่วโลกได้มาแสดงผลงาน - Aurora, Art Installation โดย Pascal Dombis visual artist ชาวฝรั่งเศส รังสรรค์ผลงานทรงวงกลมคล้ายวงล้อทฤษฎีสี (color wheel) แรงบันดาลใจจากแสงเหนือ ที่ใช้เทคนิคการทำเฉพาะตัวด้วยการป้อนข้อมูลในระบบอัลกอริทึมในคอมพิวเตอร์ให้เกิดเหตุขัดข้อง เกิดผลลัพธ์เป็นลายเส้นที่มีการซ้อนกันของเฉดสีที่คาดเดาไม่ได้ ประกอบกับความสว่างจากแสงธรรมชาติเกิดเป็นความงามของชิ้นงานที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวัน สถานที่ : ชั้น 5 โซนจีเวล - Kinetic Waves และ Vortex, Interactive Digital Art โดย Miguel Chevalier ศิลปินชาวฝรั่งเศส ผู้บุกเบิกศิลปะแนวดิจิตัลอาร์ต สู่การสร้าง Interactive Digital Art บนจอที่เคลื่อนไหวตามการขยับเขยื้อนของวัตถุที่อยู่หน้าจอ สถานที่ : ชั้น 4 โซน Next Stage - Dylie (ไดลี่), Character Art Toy โดย JWon หรือสรายุทธ คุระแก้ว นักออกแบบคาแร็คเตอร์รุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์ Installation Tech Toy Dylie ยมทูตจิ๋วผู้มองโลกในแง่ดี ความแตกต่างระหว่างยมฑูตและเด็กน้อยที่เข้ากันอย่างลงตัว สถานที่ : ชั้น 4 โซน Next Tech - Cascading Melody, ประติมากรชาวอเมริกัน ถ่ายทอดเรื่องราวของความเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อมโยงกันของทุกสรรพสิ่ง ผ่านเส้นโค้งที่นำมาวางตัดกันอย่างงดงาม ซึ่งแต่ละมุมมองก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สถานที่ : ชั้น M โซน Luxe Hall - The Way it Shapes You, ประติมากรรม โดย Pieter Obels ผลงานด้วยการนำความแข็งแกร่งของเหล็กกล้ามาถ่ายทอดเป็นรูปทรงของความอ่อนช้อย และพลิ้วไหว ชิ้นงานที่นำเสนอได้หลากหลายมุมมองของการมอง สถานที่ : ชั้น 3 โซน North Void - UOY MA I, ประติมากรรม โดย วิศุทธิ์ พรนิมิต นำเสนอผ่าน “น้องมะม่วง” คาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปิน สู่ภาพสะท้อนของตัวเอง สู่การมองโลกผ่านมุมมองของตัวเราเอง : ชั้น 1 ใกล้ Fashion Hall - คิดถึง, ประติมากรรม โดย นฤทธ์ธรณ์ เศรษฐ์คุณารัฐ หนึ่งในศิลปินไทยที่มีผลงานระดับโลก สื่อสารถึงความเหงาและความเดียวดายของมนุษย์ผ่านรูปทรงที่ถูกตัดทอน สะท้อนความรู้สึก อารมณ์ และจินตนาการ สถานที่ : ชั้น 3 ใกล้ North Void - ไม่มาไกล เพื่อถอยหลัง (Didn’t come this far to go back) ประติมากรรมไม้ โดย อินสนธิ์ วงค์สาม ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ผลงานที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากการออกเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์ตามลำพังไปยังเมืองฟลอเรนซ์ เพื่อไปบ้านเกิดของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ในปี พ.ศ. 2542 ซึ่งในการเดินทางเพื่อให้ถึงจุดหมายต้องเข้มแข็งและต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง และการเอาชนะใจตัวเอง คำว่าแพ้ หรือถอยหลังจะต้องไม่เกิดขึ้น ถ้าเลือกที่จะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้ โดยไม่ยอมแพ้อย่างคนอ่อนแอ สถานที่ : ชั้น 2 ใกล้ North Void - Red Bubble ประติมากรรมร่วมสมัย โดย Donghoon Oh ศิลปินเกาหลีใต้ ได้รับแรงบันดาลใจจากฟองสบู่ที่เด็ก ๆ เป่าที่ลอยอยู่ในอากาศไม่นานแล้วก็หายไป ราวกับความจริงและภาพลวงตาใกล้กันนิดเดียว การสร้างสรรค์ร่างคนและสัตว์ด้วยทรงกลมเป็นเอกลักษณ์ของ Donghoon Oh อยู่แล้ว สถานที่ : ชั้น 1 North Void - The Future in Our Hand ผลงานประติมากรรม โดย Jamie Hayon ที่ทำพิเศษเพื่อ Siam Paragon (Jamie Hayon for Siam Paragon) ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ โดยการสะท้อนถึงความหวัง และความฝันอันงดงามของผู้คนที่สามารถเป็นจริงได้ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นของขวัญในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ให้แก่ผู้คน ประติมากรรมรูปลิงที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน ถ่ายทอดภาพของลิงที่กำลังจ้องมองเข้าไปในวัตถุทรงกลมสะท้อนแสงเป็นสัญลักษณ์ของความฝัน อนาคต และความหวัง ที่เราสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยมือของเราเอง ผลงานที่ชวนให้ผู้ชมสำรวจเข้าไปข้างในตัวตนของเรา ได้เห็นถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่รายรอบตัวเรา ช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นไปของชีวิตตัวเองได้ สถานที่ : ชั้น 1