การจูนคลื่นให้ตรงกัน ระหว่างชุมชนและเทศกาล / ชาวชุมชนและผู้มาเยือน / ศิลปินท้องถิ่นและความเป็นไปใหม่ๆของศิลปะร่วมสมัย และอื่นๆที่ยังไม่เข้ากันดี เป็นความปรารถนาให้เกิดโครงการนี้ขึ้น เพื่อทำให้ทุกฝ่ายแฮปปี้กับเทศกาลนี้และทำให้ตลอดหนึ่งสัปดาห์ของเทศกาลสร้างแรงผลักดันให้คลื่นความสร้างสรรค์เดินหน้าต่อไปได้ตลอดทั้งปี สำหรับชุมชน ต้นทุนสำคัญที่จะพัฒนางานสร้างสรรค์และกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นที่สั่งสมกันมาจากรุ่นสู่รุ่น (มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม) ดังนั้นโครงการจึงให้ความสำคัญในส่วนของการอนุรักษ์พร้อมๆกับการพัฒนาสิ่งเหล่านี้ มีทั้งการนำไปใช้พัฒนาต่อและฟื้นฟูสิ่งเดิมให้อยู่ได้ ศิลปินท้องถิ่นมีรายได้มากขึ้นจากเทศกาลและมีเป้าหมายให้เทศกาลได้สร้างพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนและพัฒนาร่วมกันของทุกฝ่าย สำหรับเครื่องมือในการพัฒนามรดกอันล้ำค่าที่เราได้รับจากบรรพบุรุษแล้วนั้น ทางโครงการสนใจในการนำเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน อาทิ เทคโนโลยี XR มาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการอนุรักษ์และพัฒนาต้นทุนดังกล่าวให้ออกมาเป็นผลงานสร้างสรรค์ในเทศกาลและแม้เทศกาลจบแล้วก็สามารถต่อยอดได้ต่อไป โดยจะนำกระบวนการ Artist in Residency มาเป็นแนวคิดหลักในการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างชุมชน-เทศกาล และการเชื่อมการทำงานระหว่างชุมชนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่-ศิลปินหรือนักออกแบบที่สนใจสร้างงานในพื้นที่ชุมชน โดยทางโครงการมีการทำงานร่วมกับคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาคทัศนศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีนิสิตศิลปกรรมศาสตร์มาเป็นศิลปินหลักที่จะร่วมโครงการ